วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การถ่ายภาพสวย






    เรื่องการถ่ายภาพไม่ชัด  สำหรับมือใหม่  ถือว่าเป็นปัญหาพอสมควร  เราจึงประมวลวิธีการถ่ายภาพ 10 ขั้นตอนดังนี้

     

กรรมวิธีที่ 1





        กดชัตเตอร์ในนิ่มนวลในการถ่ายภาพ การกดชัตเตอร์ด้วยความรวดเร็วหรือหนักเกินไปจะทำให้กล้องไหวได้ง่าย ควรเลือกใช้กล้องที่มีน้ำหนักมากกว่าเบา เพราะด้วยน้ำหนักของกล้องนั่นเองทำให้การกดชัตเตอร์มีความเสถียรมากกว่าการกดชัตเตอร์ของกล้องที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบาทำให้ได้ภาพที่คมชัดกว่าในการใช้งานดังนั้นการกดชัตเตอร์ที่นิ่มนวลจะช่วยลดปัญหา


     กรรมวิธีที่ 2

        โฟกัสให้ชัดก่อนกดชัตเตอร์ ปัญหาถ่ายรูปไม่ชัดส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุนี้ ถ้าคุณโฟกัสภาพด้วยมือต้องระลึกเสมอว่าต้องปรับระยะชัดให้ดีก่อนกดชัตเตอร์ ดังนั้นถ้าโฟกัสเองแล้วไม่ชัดก็ไม่ต้องไปโทษใครหรอก ข้าพเจ้าเองแหละครับ แต่ถ้าเป็นระบบออโต้โฟกัส สิ่งที่คุณต้องเข้าใจมี 2 เรื่อง หนึ่งคือเรื่องจุดโฟกัสของกล้อง การเลือกจุดโฟกัสถ้ากล้องมีหลายจุดจะทำให้คุณโฟกัสในตำแหน่งที่ต้องการได้อีกเรื่องหนึ่งก็คือการยืนยันโฟกัสของกล้อง ซึ่งกล้องมักจะมีสัญญาณเตือนให้ทราบ เช่นสัญญาณที่เป็นจุดเขียวในแถบข้อมูลของช่องมองภาพ หรือสัญญาณเสียงก็ตามนั่นหมายความว่ากล้องยืนยันการโฟกัสเมื่อกดชัตเตอร์จะทำให้ได้ภาพที่คมชัด 

กรรมวิธีที่ 3
        เลือกความไวชัตเตอร์ให้สูงขึ้นป้องกันการสั่นไหวของกล้องปัญหาหลักอีกอย่างหนึ่งที่ทำได้รูปถ่ายไม่ชัดก็คือ ภาพที่ถ่ายออกมาไหว ปัญหานี้เกิดจากการถ่ายภาพที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำเกินไปเป็นสาเหตุหนึ่ง อีกสาเหตุหนึ่งก็คือการถือกดชัตเตอร์แล้วกล้องไหว แก้ได้ไม่ยาก เรื่องแรกก็คือถ้าคุณถือกล้องถ่ายรูปต้องถือให้มั่น กดชัตเตอร์ให้นุ่มนวลขึ้นก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกล้องไหวได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือการเลือกความไวชัตเตอร์ให้สูงขึ้นเพื่อลดการไหวของกล้อง เท่านี้คุณก็จะเพิ่มโอกาสให้ถ่ายรูปได้ภาพที่นิ่งมีความคมชัดมากขึ้น
กรรมวิธีที่ 4

       ใช้ขาตั้งกล้องช่วยป้องกันการไหวของกล้อง หลายครั้งที่การถ่ายภาพจำเป็นต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำในการถ่ายภาพซึ่งจะทำให้การถือกล้องให้นิ่งไม่ให้สั่นไหวทำได้ยาก อย่าฝืนควรเลือกการใช้ขาตั้งกล้องช่วยจะทำให้สามารถถ่ายรูปได้โดยกล้องไม่ไหว ภาพที่ได้ก็จะเพิ่มโอกาสให้มีความคมชัดมากขึ้น อีกประการหนึ่งการเลือกใช้ขาตั้งกล้องก็ควรมีความสมดุลกับกล้องที่ใช้งาน ถ้ากล้องเล็กขาตั้งกล้องเล็กก็ถือว่าใช้งานสมน้ำสมเนื้อ แต่ถ้าคุณใช้กล้อง D-SLR ติดเลนส์ที่ใหญ่ขึ้นการใช้ขาตั้งกล้องที่เล็กเกินไปก็อาจจะมีโอกาสทำให้กล้องสั่นไหวได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นกล้อง D-SLR การกระดกของกระจกการลั่นชัตเตอร์ซึ่งแม้เพียงเล็กน้อยก็มีโอกาสทำให้กล้องสั่นได้เช่นกัน
กรรมวิธีที่ 5
        เลือกรูรับแสงที่แคบเพื่อเพิ่มความชัดลึกการเลือกรูรับแสงที่แคบเล็กหน่อยจะทำให้วัตถุมีความชัดลึกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถ้าการโฟกัสภาพคลาดเคลื่อนเล็กน้อยการควบคุมภาพให้มีความชัดลึกก็สามารถช่วยให้วัตถุยังมีความคมชัดอยู่ได้ส่วนหนึ่งอีกประการหนึ่งการถ่ายภาพที่มีความชัดลึกไว้หน่อยจะทำให้การมองภาพเสมือนมีความชัดมากขึ้น
กรรมวิธีที่ 6

       เลือกทิศทางแสงในการถ่ายภาพเพื่อให้มีมิติ ในการดูภาพเราจะพบว่าถ้าวัตถุที่เราถ่ายภาพมีมิติจะทำให้ภาพดูมีความคมชัดมากขึ้น ทิศทางของแสงเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ภาพมีมิติ แสงด้านข้างจะทำให้เกิดเงาซึ่งจะช่วยให้วัตถุที่เราถ่ายภาพมีมิติมากขึ้น การเลือกทิศทางแสงด้านข้างจะช่วยเรื่องมิติภาพได้เป็นอย่างดีทำให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้น  
 กรรมวิธีที่ 7
        เลือกถ่ายภาพวัตถุให้มีความเปรียบต่างมากขึ้นความเปรียบต่างของวัตถุที่เราถ่ายภาพจะช่วยให้การดูภาพเสมือนหนึ่งมีความคมชัดทีดี เพราะความเปรียบต่าง (CONTRAST) จะทำให้การดูภาพมีความตัดกันในด้านของโทนภาพ หรือสีสันของภาพที่ชัดเจนขึ้น ทำให้ภาพดูมีความคมชัดได้มากขึ้น
          
 กรรมวิธีที่ 8

        เลือกถ่ายภาพวัตถุที่มีรายละเอียดมากขึ้น โดยปกติเมื่อเราดูภาพวัตถุที่มีรายละเอียดมากเปรียบเทียบกับวัตถุที่มีรายละเอียดที่น้อยกว่า เราจะรู้สึกว่า ภาพที่มีรายละเอียดที่มากกว่านั้นจะมีความคมชัดที่ดีกว่าภาพของวัตถุที่ไม่มีรายละเอียดทั้งที่ความจริงแล้วความคมชัดนั้นเท่ากัน แต่ที่เห็นต่างกันก็คือความรู้สึก ดังนั้นการสร้างสรรค์ภาพด้วยการเลือกถ่ายภาพที่มีรายละเอียดมากกว่าจึงทำให้รู้สึกว่าภาพมีความคมชัดที่ดีกว่า

    กรรมวิธีที่ 9




        เลือกเวลาถ่ายภาพในยามที่ลมสงบ ถ้าคุณถ่ายภาพวัตถุที่บางเบา หรือวิวทิวทัศน์ที่มีกิ่งไม้ใบหญ้าคุณควรระลึกเสมอว่า กระแสลมที่แรงนั้นมีส่วนที่ทำให้วัตถุที่คุณกำลังจะถ่ายภาพมีการเคลื่อนไหวได้ง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณต้องเลือกใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำด้วยแล้วแม้ว่าจะมีขาตั้งกล้องก็ตาม แต่การที่วัตถุมีการสั่นไหวด้วยแรงลมก็จะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้วัตถุขาดความคมชัดได้ ดังนั้นการรอเวลาให้ลมสงบก่อนการกดชัตเตอร์จะเป็นการลดการไหวของวัตถุจากแรงลมได้เป็นอย่างดีเพื่อทำให้ได้ภาพที่คมชัด


กรรมวิธีที่ 10
     ข้อควรระวังเกี่ยวกับเลนส์ เชื่อว่าเพื่อนๆ นั้นต่างก็ถือเลนส์ใช้งานที่แตกต่างกัน บางท่านอาจจะถือเลนส์โปรตัวละหลายหมื่นบาท บางท่านอาจจะถือเลนส์ธรรมดาตัวละไม่ถึงหมื่น ซึ่งคุณภาพเลนส์ที่แตกต่างกันก็มีผลส่วนหนึ่งละครับสำหรับในเรื่องของความคมชัด แต่สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่มากกว่านั้นก็คือ การถ่ายภาพย้อนแสง สำหรับเลนส์คุณภาพสูงนั้นอาการแฟลร์แ ละอาการฟุ้งของเลนส์จะมีน้อยกว่าเลนส์คุณภาพรองลงมา ยิ่งถ้าเป็นเลนส์คุณภาพต่ำด้วยแล้วอาการทั้งแฟลร์และแสงฟุ้งจะมีมากขึ้นอาการเหล่านี้จะลดความคมชัดของภาพลงทันที ดังนั้นการระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพที่จะต้องย้อนแสงโดยตรงจะช่วยลดอาการฟุ้งไปได้มาก ซึ่งจะทำให้ภาพมีความคมชัดได้ดีขึ้น หรือการใช้ Hood บังแสงที่หน้าเลนส์ก็จะเป็นการช่วยลดอาการดังกล่าวได้มากค
       ทั้ง 10 กรรมวิธี ที่กล่าวมานี้จะช่วยตอบข้อข้องใจสงสัยในเรื่องการถ่ายภาพอย่างไรให้คมชัด และการหมั่นทดลองทดสอบการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีอยู่จะช่วยให้คุณสามารถ่ายภาพได้คมชัด ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญสำหรับการพัฒนาการถ่ายภาพให้มีคุณสูงยิ่งขึ้น


  

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

แนะนำแหล่งท่องเที่ยว





ภูสอยดาว
















ท้องทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ ขุนเขา ป่าสน น้ำตกสวย ในช่วงปลายฤดูฝนของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวจังหวัดอุตรดิตถ์เป็นช่วงเวลาที่งดงามหมดจดที่สุดเหมือนหนึ่งธรรมชาติได้เติมความเขียวสดชุ่มชื่นจากสายฝนจนสมบูรณ์แล้ว การได้มาเยือนภูสอยดาวห้วงเวลาจึงสร้างความประทับใจได้มิรู้ลืม


ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอนครไทย จังหวัด พิษณุโลก สภาพป่าในเมืองเขาสูงสลับซับซ้อนของ 2 จังหวัดมีพรรณไม้หลากชนิด แต่ดูเหมือนภาพป่าสนจะคุ้นตา กับนักท่องเที่ยวมากที่สุด ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ในเขต อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์




ที่เที่ยว ทุ่งหญ้า ป่าสน :

นับเป็นเสน่ห์ของภูสอยดาว ทุ่งหญ้ากว้างภายใต้ป่าสนที่ขึ้นกระจายไปทั่ว จะเกิดพรรณไม้ดอกนานาชนิดประดับจนสามารถเปลี่ยนจากทุ่งหญ้าให้กลายเป็นทุ่งดอกไม้อย่างน่าชมที่สุด ลักษณะของพื้นที่ ไม่ราบเรียบนัก แต่จะเป็นเนินขึ้นลงทำให้มิติการชมภาพท้องทุ่งดอกไม้จึงดูน่าค้นหา พรรณไม้ที่ละลานตานั้นอุดมไปด้วยดอกสร้อยสุวรรณา สีเหลืองสด ชูช่อขึ้นเบียดเสียดกัน สลับกับทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงที่ขึ้นสลับเป็นท้องทุ่ง ความงามนี้ยังถูกสายหมอกเย้ายวนคลอเคลียในช่วงเช้า นับเป็นความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่เสมือนได้รับการ เติมความชุ่มชื้นจากสายฝนตลอดฤดูที่ผ่านมา






น้ำตกภูสอยดาว :
ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1268 ใกล้กับที่ทำการอุทยานฯ สวยงามทั้ง 5 ชั้น ไหลลดหลั่นกันลงมาตามแนวหินที่มองไม่เห็นเนื้อหิน เพราะตะไคร่น้ำและมอส เฟิน ได้ถักทอเป็นพรมธรรมชาติติดแน่น นับเป็นน้ำตกที่มีสีเขียวเข้ม ตัดกับสีขาวของสายน้ำ โอบล้อมด้วยป่าดิบรอบด้าน ที่สุดของความสมบูรณ์ ทุกมุมมองของน้ำตกชื่อไพเราะแห่งนี้ การเดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก - หล่มสัก) ถึงกิโลเมตรที่ 68 เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2013 (ไปอำเภอนครไทย) ระยะทาง 29 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายใช้ทางหลวงหมายเลข 1143 (ไปอำเภอชาติตระการ) ระยะทาง 38 กิโลเมตร เลี้ยวขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 1237 (ไปอุตรดิตถ์) ถึงที่ทำการ อุทยานแห่งชาติกิโลเมตรที่ 62 รวมระยะทางจากตัวเมืองพิษณุโลก 192 กิโลเมตร

สุขภาพ


ออกกำลังกายโดยการวิ่ง

สวัสดีค่ะวันนี้ดิฉันจะแนะนำสถานที่วิ่งออกกำลังกายภายในมหาวิทยาลัยนเรศวรมาฝากกัน สำหรับคนที่ชอบวิ่งออกกำลังกาย เดินเล่น หรือต้องการหาสถานที่พักผ่อนหลังการทำงานมาทั้งวัน

แนะนำสถานที่

สถานที่ที่จะแนะนำก็คือบริเวณสระน้ำข้างๆ ลานสมเด็จฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอพระเทพรัตน์ ที่นี่สวยงามมากค่ะ จึงไม่แปลกที่ในช่วงเย็นๆ จะมีคนไปออกกำลังกายที่นี่ ทั้งนิสิต อาจารย์ และบุคคลทั่วๆ ที่อาศัยอยู่รอบๆ มหาวิทยาลัยนเรศวร ด้วยยังเป็นสถานที่ใหม่ ถนนโดยรอบสำหรับวิ่งหรือเดิน ออกกำลังกาย ยังมีสภาพที่ดี มีไฟฟ้าตลอดทาง พอมืดหน่อยก็จะ มีแสงไฟฟ้าที่สะท้อนมาจากโรงพยาบาล และลานสำเด็จ สวยงามมากเลยทีเดียวจึงมีคนมากมายในเวลาวิ่งหรือเดินออกกำลังกาย
การวิ่งเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพกาย ทั้งหัวใจ และกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ลดความเครียด และยัง มีผลป้องกันโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ และเกือบทุก ๆ โรคเลยก็ว่าได้ สังเกตคนออกกำลังกายเพิ่งวิ่งเสร็จหน้าจะแดง ดูใสมาก เมื่อเหงื่อออก หน้าก็จะแดง การวิ่งสามารถทำได้คนเดียว ทำได้ทุกแห่ง แต่จะต้องมีการฝึกฝนการเลือกรองเท้าวิ่งรองเท้าต้องมีความพอดี และมีส่วนหุ้มส้นที่ยกสูงขึ้นมาพอสมควร เพื่อดูแลส้นเท้าของเรา จากการอักเสบขณะวิ่ง ส่วนพื้นชั้นในรองเท้า ควรนิ่มและยืดหยุ่น พื้นด้านนอกจะต้องยึดเกาะพื้นได้ดี ไม่ลื่น และสุดท้ายน้ำหนักของรองเท้า ควรมีน้ำหนักเบา เพราะจะทำให้วิ่งได้เร็วขึ้น

ข้อแนะนำในการวิ่ง
1.อบอุ่นร่างกาย(warm up) โดยการเดินเร็วๆหรือวิ่งช้าๆแล้วทำการยืดกล้ามเนื้อก่อน หลังจากนั้น จึงเริ่มออกวิ่งก่อนออกกำลังกาย ต้องมีการอบอุ่นร่างกายก่อน โดยออกกายบริหาร หรือเดินช้าๆ ประมาณ 5-10 นาที และเมื่อหยุดออกกำลังกายต้องค่อย ๆ ผ่อนความหนักลง ห้ามหยุดทันที
2.ควรใช้ส้นเท้าลงก่อนแล้วตามด้วยฝ่าเท้า
3.ขณะวิ่งอย่าหลังค่อม ควรยืดตัวให้หลังตรง ไหล่จะเอนไปด้านหลังเล็กน้อยและให้แกว่งแขน ตามธรรมชาติ
4.อย่ากังวลเกี่ยวกับระยะทางที่วิ่ง ให้กำหนดระยะเวลาหรือระยะทางที่จะวิ่งและพยายามเพิ่มระยะ
เวลาโดยทั่วไป แนะนำว่าให้เพิ่มสัปดาห์ละ 10%

เขียนโดย ศิริลักษณ์ เสน่หา